วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ดนตรีและแฟชั่น ( Music & Fa$hion )

ดนตรีและแฟชั่น ( Music & Fa$hion )


               ผู้เขียนเป็นอีกคนหนึ่งที่หลงไหลในวัฒนธรรมของดนตรีและแฟชั่นเสื้อผ้า การแต่งตัว จากการได้รับสื่อต่างๆ ผู้เขียนได้ซึมซับการการฟังเพลง เล่นดนตรีมาตั้งแต่เด็ก และปัจจุบันนี้ก็ติดตามเรื่องแฟชั่น การแต่งกายของวงการ Street ไทยและเทศ ผู้เขียนจึงอยากหยิบเรื่องที่ถนัดมาเขียนโดยจะอธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจอย่างง่าย เกี่ยวกับ ดนตรีและแฟชั่น (Music & Fashion)

                    ถ้าพูดถึงดนตรี แล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่ตามมา?



                ถ้าพูดถึงเรื่องดนตรีก็คงจะขาดไม่ได้ที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้า หรือ แฟชั่น เพราะสิ่งทั้งสองล้วนเป็นองค์ประกอบซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกันและกัน พูดได้ว่าแนวเพลงต่างๆเป็นตัวกำหนดว่าศิลปินเหล่านั้นต้องแต่งตัวอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นวงร็อค ต้องใส่เสื้อขาด กางเกงรัดๆ เหมือนพี่ตูน บอดี้แสลม ถ้าเป็นเพลงป็อป ต้องใส่เสื้อยื้ดสวยๆ กางเกงยีนส์ ร้องเท้าผ้าใบ ทำทรงผมเป๋ๆ เหมือนพี่บี้ เดอะสตาร์ ถ้าเป็นเพลงอคูสติก ต้องใส่เสื้อเชิ้ตติดกระดุม กางเกงยีนส์ขากระบอก รองเท้าหนัง สะพายกีต้าร์เหมือนพี่แสตมป์ และถ้าเป็นฮิปฮอป ต้องใส่กางเกงหลุดตูด ใส่หมวกแก็ป พูดว่าแร็ปโย่วเหมือน พี่โจอี้บอย สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ขาดกันไปไม่ได้เลย จริงไหมครับ?

              

อะไรกำหนดทิศทางของแฟชั่น?



                ความจริงแล้วดนตรีและเสื้อผ้าแฟชั่นเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกเลยเพราะว่าดนตรีเป็นอีก1ส่วนเลยที่มากำหนดทิศทางของแฟชั่นตั้งแต่อดีตมา ไม่ว่าจะเป็นแนวของ Rock Abily, James Dean  ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทรงผม ถึงกางเกงยีน มาจาก Rock Abily ตั้งแต่ยุค 50’s  ยุค hippy ก็เกี่ยวเนื่องกันละดนตรีแนว shedalic การแต่งตัวจะเป็นเสรีชนซึ่งก็จะแต่งตัวเน้นแบบเสื้อผ้าแบบรสนิยมที่แบบอิสระกางเกงขาบานตามยุคนั้น ต่อมาก็จะเป็นยุต 60’s ก็จะเป็นดนตรีออกสายพั้งค์ๆก็จะแบบเป็นวงมาจากทางด้านอังกฤษละ พอหลังจากนั้นก็จะเป็นยุค 80’s จะเป็นดนตรีแนว Rock hair band จะเป็น metal แบะ heavy metal เข้ามาเริ่มเป็นเสื้อหนัง เสื้อหมุด เสื้อวงร็อค เสื้อยืด แบบเป็นเสื้อ tur ที่เห็นกัน เริ่มมายุค 90’s ก็จะเป็นพวกทาง Hiphop ซะมากกว่า ดนตรีกับแฟชั่นต่างๆทุกๆแนวเป็นตัวที่ครอบคือ sub culture คือ fashion คือ culture นึง ดนตรีมันเหมือน sub culture ที่แบบคอยควบคุมเรื่องแฟชั่นพวกนี้อีกทีนึง ซึ่งมันก็ไม่สามารถที่จะแยกจากกันได้เพราะ inspiration มันเป็นเหมือนกับไอคอน ไอคอนก็คือแบบเป็นนักร้องหรือศิลปินอะไรอย่างงี้คือทำให้คนอื่นแต่งตัวตาม ikon ยุคนั้นๆอะไรแบบนี้ ซึ่งก็นั่นแหละครับ ส่วนมากจะเป็น ikon ทางวงดนตรีหรือ ikon แบบ superstar แบบ ของยุคในดนตรีซะมากกว่า มันก็เลยเป็นส่วนที่แยกจากกันไม่ได้แน่นอน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ เครื่องแต่งกายเสื้อผ้าแฟชั่นและดนตรีมันเป็นวัฒนธรรม ถ้าสมัยก่อนเราพูดถึงวัฒนธรรมฮิปฮอปก็จะเป็นพวก B-Boy, Beatbox , Rap กับ graffiti เพราะโลกมันเปลี่ยนไป fashion ก็เหมือนเพิ่มเป็น element ใหม่ในการแต่งตัว hiphop กลายเป็นว่าคนสนใจเรื่องการแต่งตัว เรื่องการมองคนจากภายนอกมากขึ้น เราก็ต้องแต่งตัวให้มันดูดีเพื่อให้ดึงดูดคนข้างนอกมากขึ้น ถ้าเป็นแนวร็อคสมัยก่อน นอกการจากแต่งตัวที่ใส่เสื้อหมุด เสื้อหนุง เสื้อทัวร์ ก็จะเพิ่มลวดลายบนใบหน้าด้วยการแต่งหน้าตาเช่นวง Kiss






ถ้าแนวเพลง Reggae และ Hippy จะมีส่วนที่คล้ายคลึงกันคือ มีรสนิยมที่อิสระ สบายๆ 





แต่ Reggae จะโดดเด่นตรงที่มีสีประจำคือ เขียว เหลือง แดง





ผมจะยกตัวอย่างศิลปินที่เรียกได้ว่าเป็นศิลปินฮิปฮอปแนวหน้าของเมืองไทยที่แต่งตัวอย่างโดดเด่น พวกเขาคือวง "South Side"







ทุกท่านสามารถดูตัวอย่างเพลงของ SouthSide ได้ว่าแฟชั่นมีความสำคัญต่อเพลงอย่างไร


เพลง แรงอ่ะ - Southside





เพลง  All Night - Southside


เพลง ยังไม่พูดเลย - Southside




นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเพลงที่นิยมกันมากๆ เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จเพราะมี
องค์ประกอบที่ครบถ้วนและการแต่งตัวที่แปลกใหม่




ผู้เขียนบล็อกได้มีโอกาสลงพื้นที่ ไปกองถ่าย music video เพลงใหม่ของ Southside 
ชื่อเพลงว่า "เอาอีกแล้วอ่ะ!! "


ในกองถ่าย music video สังเกตุได้ว่า เสื้อผ้านั้นมีความสำคัญอย่างมาก




ในการแสดง music video ทุกอย่าง ต้องสมจริง ไม่ใช่แค่เรื่องเสื้อผ้า แต่เป็น สถานที่ และ ส่วนประกอบในฉากด้วย เช่น แก้วน้ำ แสง สี เสียง ฉาก



  

ในการลงพื้นที่จริงนั้น เราจะเห็นได้ว่า แฟชั่นการแต่งตัว เป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆต่อเพลง และเพลงก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อแฟชั่นเฉกเช่นเดียวกัน เลยถ่ายรูปมาด้วยสักแช้ะนึงให้ได้ดูกัน  ^^





บรรยากาศของกองถ่าย music video "เอาอีกแล้วอ่ะ!





เสื้อผ้าแฟชั่นและดนตรี มันขาดกันไม่ได้จริงๆนะ!






นิตยาสารที่เกี่ยวข้องกับบทความของเรื่องดนตรีและแฟชั่น

Gmag Team. Hiphop In Da House.  The Guitar Mag  music inspiration magazine.  
                      46,  490 (January 2015) : 68-69.
Phaikarn.  The roots of thai street culture. Chimney Magazine.
                      08, 098 (September 2015) : 38-40.
ธิติ ธีมะพันธ์.  My personal style.  GM magazine.
                     30,  445 (August 2015) : 48-49.

ขอขอบคุณผู้เชี่ยวชาญในการให้สัมภาษณ์

1. Busi Boy   (นัท)  นาย ภูวเดช จันทสร    อายุ 33 ปี / ผู้บริหารองกรค์ชั้นสูงและอดีตบรรณธิการ
                                                                                      นิตยาสาร Chimney

2. Ben Bizzy (เบน) นาย นรบดี ศรีเริงหล้า อายุ 22 ปี / ศิลปิน Hip-Hop Underground



ขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ผู้เขียนหวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษาดนตรีและแฟชั่นควบคู่กัน ผู้เขียนได้พยายามเต็มที่ในการค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจาก website, magzine และผู้ที่ค่ำหวอดในวงการนี้ ถ้าเกิดความผิดพลาดประการใดสามารถติชมผู้เขียนได้ ผมจะนำมาแก้ไขให้ดีที่สุดในการเขียน Blog ครั้งต่อไป :D




สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์

ดนตรีและแฟชั่น ( Music & Fa$hion ) ได้อนุญาตให้ใช้ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การโพสวิดีโอ ลิงค์ และสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนต์






สวัสดีครับ ผมนาย ธิติวัฒน์ โชคธนเสฏฐ์กุล vdo ที่ได้เห็นไปในข้างต้นเป็น vdo ของผมเอง ในช่วงที่เรียนทำ blog และ blog ที่ผมจะทำนี้เป็นเกี่ยวกับเรื่องดนตรีและแฟชั่น ซึ่งส่วนตัวผมนั้นเป็นคนชอบดนตรี ชอบฟังเพลง และชอบการแต่งตัว อย่าลืมติดตาม blog ผมนะครับ




สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ดนตรีและแฟชั่น ได้อนุญาตให้ใช้ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International.

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แนะนำตัวผู้เขียน

แนะนำตัวผู้เขียน

นายธิติวัฒน์  โชคธนเสฏฐ์กุล

รหัส 5709274

ชื่อเล่น เฟิร์ส

คณะ นิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ความชอบส่วนตัว